วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สักยันต์ อิ อิ Tattoo บ้าเข็มไปซะแล้ว

          เมื่อวันที่ 8  พฤศจิกายน  2555  ก็เอาร่างอันอวบบางเข้าไป  เป็นระยะเริ่มแรกของการอ้วน  กินดึกทุกวันติดกัน 3 วัน เมื่อไหร่จะได้สถานะแบบนี้ทันที   เป็นคนอ้วนง่าย  และผอมง่าย  ถ้าไม่หนักอาหาร น้ำหนักก็ไม่เพิ่ม    ไปที่เพชรเกษม 23  นั่งรถเมล์ตามประสาของคนขับรถไม่เป็น  ไปต่อรถจักรยานยนต์ที่เพรชเกษม เข้าไปวัดเพลงโดยบอกกับคนขับวินมอเตอร์ไซค์  ไปบ้านอาจารย์ทอง สักยันต์ ตรงข้ามวัดเพลง    แวะซื้อธูป  เทียน  ยานัตถุ์ ( ของโปรดของท่านอาจารย์ทอง ) และเครื่องดื่มบำรุงกำลังอีกขวด  แล้วแต่ท่านจะพิจารณา  ถ้าไม่เคยมาให้บอกกับลูกศิษย์ท่าน  แล้วเขาจะแนะนำให้ว่าทำอย่างไร  ก็ไม่มีอะไรมาก  คนมาครั้งแรกให้มาถึงแล้วเอาธูปกับเทียนวางไว้ด้านล่างกระถางธูป  แล้วหยิบธูป 5 ดอกมาจุดไฟ  ไหว้พระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์ และบูชาครูบาอาจารย์ว่าจะมาสักยันต์  มาลง นะ หน้าทอง  ขอให้ท่านประสิทธิให้เป็นผล  ให้มั่งมีศรีสุข  ...........ว่าไป  แล้่วก็นั่งรอ

          เอ่อ  ไปเช้าน่ะคร๊าบ  เพราะสักหมึก คิวยาวอ่ะ  ลูกศิษย์เก่า ๆ  ก็มาสักเพิ่ม  คนก็มากันพลึบพลับ เต็มไปหมด  อีกอย่างสงสารท่านอาจารย์อ่ะ   เพราะท่านถือว่ามีใจมาให้ท่านทำก็อยากทำให้  คนเพียบทำให้ทุกท่าน ทุกคน  เพราะท่านระดับตำนานแล้ว   แล้วก็เป็นที่น่านับถือเป็นอย่างมาก   ท่านทำตัวธรรมดา  คนเดินดินนี่แหล่ะ   ถ้าไปสำนักท่านแล้่วคิดว่ายิ่งใหญ่อลังการ  งานสร้างก็ผิดหวังมาก  ท่านเป็นมนุษย์  ทั่ว ๆ ไป  สำนักท่านก็ธรรมดาไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ มากมาย   นึกไปแล้วก็นึกถึงท่านพระพุทธทาส  สมถะมาก    แต่ในสายตาเราท่านเป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่มาก   เมตตามากใจดี  เป็นคนเล็กที่ยิ่งใหญ่  อันนี้ไปสัมผัสด้วยตนเองดีกว่า      ไปสักครั้งแรกท่านก็ถามเรา  " ทำไมมาสักที่นี้ " รู้จักที่นี้ได้อย่างไร เราก็ซื่อ ๆ  อ่ะ   " หนูเปิดเว๊ปไขค์มา  "  ท่านก็ว่า  " มีตั้ง สิบคนทำไมถึงเลือกมาที่นี่ "  ก็ยกมือไหว้สมาแก  " หนูเคยสักที่นั้น..........มาก่อน "         " มาที่นี้เพราะคิดว่าครูบาอาจารย์ท่านให้มา เพราะขอให้ครูบาอาจารย์แนะนำ "     และก็พูดต่อไปว่า  " เคยไปสักแต่ไม่ได้ไปอีกเพราะจริต  ไม่ตรงกัน "  ท่านก็มองหน้าพยักหน้า  แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ  ท่านก็ถามว่าจะสักอะไร  ก็บอกว่าสักน้ำมัน  เคยสักที่แขนมาก่อน ท่านก็เลยให้อธิษฐานไว้เวลาสัก  และหันหลังให้ท่านสัก  

          ครั้งแรกก็ได้ห้าแถวมา  ไม่ได้ขอแต่อย่างใด  ให้ท่านพิจารณาเอา  ว่าสิ่งใดเหมาะกับเรา  สักเสร็จแล้วก็ให้คาถากำกับมาด้วย   เออ.....เจ็บแฮ่ะ  คัน ๆ  เจ็บ ๆ     ขอแนะนำว่าท่านใดที่สักแล้วก็กลับไปสวดมนต์ด้วยน่ะ  ถ้าปรกติเป็นคนไหว้พระ  สวดมนต์  รักษาศีลด้วย    ทำบุญทำทาน  ยิ่งดีใหญ่   และถึงตอนนี้ก็สักไปแล้ว 4 ครั้งกับท่านอาจารย์ทอง ตลาดพูล      เดี๋ยวท่านจะกลับมาจากสิงค์โปร์จะเข้าไปหาท่านอีก  ท่านไม่ได้สักให้อย่างเดียวน่ะ  ท่านสอนเรื่องการใช้ชีวิตด้วย  อย่าโลภ  อย่าคิดว่าตัวเองมีของดีแล้วทำชั่วได้  ฯลฯ   ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกองค์  ทุกท่าน คร๊า.......

           

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Tattoo อีกแหล่ะ

           หลังจากที่ไปสักมา คราวที่แล้วอาการของคนติดเข็มก้อมีอาการกำเริบอีก  ส่วนพี่ชายก้อยังไม่ได้สนองนี๊ดตัวเอง  ( Need )  ผ่านไปสักระยะหนึ่งก้อสรรหาที่จะสักอีก  สองคนพี้น้องสุมหัวกัน หาที่สักใหม่ทั้งที่อยู่นครปฐม  แต่ไม่ได้ลงเอยกับวัดบางพระเสียที  เนื่องจากต้องทำงานวันปรกติ  และวันหยุด ลูกน้องที่ไปสักวัดบางพระก็บอกว่าคนเยอะมากต้องรอคิว   และมีลูกน้องอีกคนบอกเขาไปสักแถวกำแพงแสนมา มีอาจารย์คนหนึ่งสักแล้วลองของเลย เอามีดฟันแล้วเขาไม่เป็นไรมีแต่รอย   อื้อ...เหนียววุ้ย  ว่าแล้วก้อนัดกันไปสักโดยให้ลูกน้องพาไป  พี่ชายไปสักหมึก   เหมือนเคยเราสักน้ำมัน เข้าไปลึกเหมือนกัน  โห...น่ะช้างดี  ต้องอยู่ป่า   ไปสักมาได้ตามสมอารมณ์หมาย  กลับมาบ้านคืนนั่นฝันแร๊งสเรยอ่ะ  ฝันว่ามีผีตายโหงตามมา  แร๊งส์  ไปทำบุญเรย  และอาจารย์นั่น ก้อไม่ไปอีกเลย   เรื่องพวกนี้ไม่ได้เลยอ่ะ  ซี้ซัวไม่ได้จริง ๆ  เพราะของพวกนี้เป็นไสยศาสตร์ คนที่สักต้องมีวิชาอาคม  หนึ่ง  ต้องเป็นคนมีศีล มีธรรม  สอง ต้องนั่งสมาธิได้ญาณ  สาม เป็นผู้ปฏิบัติดี   หลังจากวันนั้น ก้อเข็ดไปอีกนานเรย   แต่ไม่หลาบน่ะ  ยังต่อได้อีก... 5 5 5 ..

          จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน  มานั่งนึกดูเรื่องสักว่าเอ  เรานี่น่าเหมือนคนไม่มีบุญป่าวหว่า  อยากสักกะอาจารย์ดี ๆ  สักท่านหนึ่งทำไมหายากจัง  แล้วอีกอย่างยังเข็ดเรื่องคราวก่อนได้ เลยขยาดไประยะหนึ่ง   มานั่งเปิดแว๊ปไซค์ดูหาอาจารย์สัก   เพราะเดี่ยวนี้  ที่วัดบางพระตั่งแต่สิ้นหลวงพ่อเปิ่น  เสน่ห์ก็ดูขาดไปหน่อย  ก็อย่างว่าแหล่ะอุ่นใจมากมายเพราะท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  ก็เป็นอะไรที่ดึงดูดใจ  แต่เห็นว่าลูกศิษย์ท่านก็ดูอุ่นหนา เหมือนเคย  มานั่งบ่นกับตัวเอง  ว่าสมัยนี้จะมีมั้ยหน่าที่ อาจารย์เก่ง ๆ  เป็นอาจารย์ดี ๆ  ให้เราได้ทำตัวเหมือนท่านได้   กราบท่านได้จริงจากใจ น่ะ  ลองดูที่เฮียกูก  ปรากฏว่ามีรายชื่ออาจารย์สักยันต์ ที่ติดอันดับเป็นอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย   ปรากฏว่ามีรายชื่อ     <iframe src="http://www.toptenthailand.com/display_code.php?id=2773" width="700" height="500" marginwidth="0" marginheight="0"  frameborder="0"></iframe>    ดังนี้  

          เสร็จแล้วอธิษฐานในใจว่าครูบาอาจารย์เจ้าขา    ลูกอยากสักยันต์กับอาจารย์ท่านใดที่เป็นผู้ที่ลูกสามารถเรียกอาจารย์ได้อย่างเต็มใจ  เต็มปากบ้างเน้อ   สายตาก็สอดส่าย  ไปเจอชื่อ อ.ทอง  ตลาดพูล  ก็คิดในใจ  เฮ้อ....ลองไปดูดีกว่าเนอะ   อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ด้วย   เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2555  ก็ได้ทีโทรไปสอบถามอีกที  เพราะเคยโทรไปเมื่อตุลาคม  เขาบอกว่าอาจารย์อยู่สิงค์โปร์  จะกลับมาเดือนพฤศจิกายน  ประมาณวันที่ 6  ก่อนจะเข้าไปก็โทรเช็คอีกที  เขาก็บอกให้เข้าไปได้ตั้งแต่วันที่ 6 พย.  นั่งมองปฏิทินแล้ว  เอาวันที่  8  พย. น่าจะดีเพราะเป็นวันครู    วันแรกของเราควรเป็นวันครู  จะเป็นวันดีของเรา

Tattoo 2

          แล้ววันดี คืนดี แห่งการเจ็บตัวเพราะความสวยก้อมาถึง  มาที่ร้านกินข้าวมาเผื่อเรียบร้อย เตรียมกินยาได้เรย   เออ...วันนี้เตรียมพร้อมเจ็บตัวแระ  สักออกมาก้อเหมือนเดิมมีคิ้วเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย เติมขึ้น และคิ้วเอียงเหมือนเดิม...กำ..ดูแล้วไม่ดีกว่าเดิม  บอกลาเลย ไม่มาแล้วร้านนี้  ถ้าจะพิ่มขอที่ใหม่ ดีกว่า  นี่แหล่ะ อานุภาพของคนอยากสวยมันรุนแรงเพียงนี้เลยทีเดียวเชียว

          เรื่องของการสักยังไม่จบเพียงแค่นี้แต่มันลุกลามอีก  ตอนนี้ขยับไปเป็นการสักแบบเอาขลัง  ฮ่า...ฮ่า เมื่อปี 2542 ประมาณ 8 ปีที่แล้ว  ชื่อเสียงของการสัก ของอาจารย์สักท่านหนึ่งแถวนนทบุรี  โด่งดังมาก  จนพี่ชายชวนไปสัก  โดยนัดกันที่สำนัก  แต่เราดันไปถึงก่อนแรงจูงใจ  คืออยากได้ของดีสัก ไม่สักค่อยว่ากันไปดูก่อน แต่พี่ชายบอกว่าจะสัก  เอาหน้าจืด ๆ ไปเสนอหน่าที่สำนัก  ไปดูเขาสักมีคนมาสักเยอะพอควร  เพราะมีดาราสาวฮอลลี่วู๊ด มาสักกับอาจารย์ท่านนี้  คนที่มาสักก็มีแรงจูงใจตามเรื่อง  สักเป็นแฟชั่น  สักเอาของขลังใส่ตัวให็ชีวิตดีขึ้น  และอีก นานาของแต่ล่ะคน   เราก้อเลยไปถามว่าสักมีข้อห้ามอะไร  ข้อปฏิบัติอย่างไร  เขาบอกให้ดูที่ผนังเพราะเขาห้ามแบบนี้ ๆ  และก้อเลือกลายสักเลย  สนนราคาเท่านี้ รูปแบบนี้   แต่ลูกศิษย์สักน่ะ  ไม่ใช่อาจารย์สัก  และเดี่ยวสักเสร็จท่านอาจารย์ จะเป่าคาถากำกับให้  เออ...ดูลายไปก่อน รอพี่ชายไปด้วย  สักห้าแถว เกือบสองพันดูราคาแล้วตบกระเป๋าตังค์ตัวเอง  เอาเงินมาไม่พอ  เปิดดูเมนู  เฮ้ย...รายการแล้ว บวกลบเงินในกระเป๋า เอารูปเล็ก ๆ ก็ได้อ่ะ  สอง สาม อย่าง ราคาค่าสัก 499.-  เอ้า  มาถึงแล้วอ่ะ สักก้อสักว่ะ  เอาน้ำมันน่ะพี่   มาเลยน้องถลกแขนเสื้อขึ้นพี่จะลงมือแทงแระ  อึ่ย....   น้องไม่ต้องกลัวน่ะเข็มพี่ล้างด้วยแอลกอฮอล์สีฟ้าแล้วเห็นม่ะ  ว่าแล้วก้อหยิบเข็มขึ้นมาจากโถแก้วที่มีน้ำยาแอลกอฮอล์  ขึ้นมาให้ดู   เอ้าน้องพนมมือน่ะ เพี้ยง....จึก  จึก เจ็บเหมือนกันแฮ่ะ  ไม่ถึงห้านาทีเสร็จแล้ว    499.-  ไปน้องไปเข้าแถวไปให้อาจารย์เป่าให้  เหลือบมองไปเห็นคนที่สักแล้ว  ไปให้อาจารย์เป่า คาถากำกับ  พรมน้ำมนต์เป็นอันเสร็จพิธี   เอ๋ มานอย่างไงกันหว่าพี่ชายยังไม่มาเสียที  โทรไปหาดีกว่าม้างท่าทางนาน  สักรอก้อแล้วยังมาไม่ถึงอีก   โทรไป  " อยู่ไหนแล้วเนี่ยรอนานแล้วน่ะ  ยังไม่มากันอีก  อ๋อ  จะถึงแล้ว เออ  ๆ เดี่ยวรอเนี่ยแหล่ะ รอหน้าสำนักน่ะ " พอพี่ชายตัวดีมาถึง  ดูราคาแล้วส่ายหน้าคุยกับแฟนเขา  แล้วบอกไม่สักแระ แพงเกิ๊นสู้ไม่ไหว  เออ...คนไม่ได้เจตนามาสัก ดันได้สัก  คนเจตนามาสัก  ดันไม่สัก   เรื่องสักยังไม่จบหรอกมีเม๊าทแตกอีก  เหอ  เหอ 

Tattoo

เรื่องของการสัก  ไม่ค่อยจะนึกถึงกับตัวเองซักเท่าไหร่  จนตระหนักว่าตัวเองคิ้วไม่ค่อยมี  ไอ้ที่จะเขียนทุกวันก็อ ยอมรับตัวเองว่าขี้เกียจ  ไป ๆ มา ๆ ก้อตกลงปลงใจไปสักคิ้ว  เสียเงิน เจ็บตัวเพราะความงาม 1200 บาท ที่ร้านสักคิ้ววงเวียนใหญ่  เจ้ที่ทำงานแนะนำให้ไปสัก

ตอนไปสัก เจ็บ....ชิบ.... เขาให้กินยาก่อนสักและเตรื่องสักแบบมือ... มียาทาให้ชาด้วย  สักไปประมาณเกือบสิบนาที  คิ้วออกมาดำปิ้ด เขาบอกว่าให้รอแผลหายอีก 7 วัน และเลี่ยงการโดนน้ำด้วย แผลจะได้หายเร็วและลอกออก...รอไป 7 วัน คิ้วเริ่มเป็นแผ่นและ ลอกออกเป็นเนื้อ...อัยย่ะ....คิ้วเอียงนี่หว่า   พอลอกออกทั้งหมด  ก้อกลับไปให่เขาดูผลงานปติมากำ ..บนหน้าและไปบ่นเรื่องคิ้วเอียง  ช่างโทษว่าเป็นไปตามโครงหน้าของเรา  เขาสักตามที่ไปเรียนมา...โดยดูจากโครงกระดูก.....แหมและทำม่าย  คุนไม่ดูหน้าตรูว่ะ....สักออกมาคิ้วเอียงแบบนี้  มาบอกว่าสักตามที่เรียนมา...เฮ้อ..   แล้วเจ้าของบอกว่าพี่มีมาสักเพิ่มได้อคกครั้งคราวหน้ามาสักเพิ่มได้น่ะค่ะ แหม...เจ็บตัว เสียเงินด้วยใครก็อยากน่ะ กำ..ตรู  สรุป  ต้องไปสักเพิ่มสีอีกรอบพร้อมกับแก้งาน  แต่ตอนนี้อยากสวยช่ายม่ะ  เออ...DIY   ไปก่อนเรย  กลับไปเขียนเองน่ะค่ะที่ขาดหายเพื่อความงามของคุณค่ะ   แล้ววันดีคืนดีก้อกลับมาเจ็บตัวใหม่น่ะคร่า...

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เนื้อคู่ มีแล้วเกิด....

          เมื่อตอนอายุ 29  ปี  ก้อบอกกับตัวเองว่า  เิริ่มแก่แล้วแหล่ะ  ไหน ๆ  ก็มีหนุ่มมาตกหลุมพรางแล้ว  เอางี้ดีกว่า  ถามเลยแล้วกันจะอยู่ด้วยกันมั้ย    เออ...ถ้าอย่างไงแล้วเราเอาดวงไปดูกันก่อนไหมว่าเราเนื้อคู่กันหรือเปล่า     รับรองร้อยนึงเอาเก้าสิบ  เป็นอย่างนี้ทุกราย  เอาดวงไปดูกับหมอดู  ใครบอกว่าเป็นเนื้อคู่กันอยู่ด้วยกันแล้วดี   รับรองดีใจจนเนื้อเต้น    แต่ถ้าหมอดูทักว่าไม่ดี   และหมอดูที่ว่าก็แม่นมาก...ในการทำนาย  เสร็จกันคราวนี้  ใครยอมรับได้ก็จัดพิธีแต่ถ้ายอมรับไม่ได้ก็ทนกันไป   จนถึงวันที่เลิกกันแล้วมาบอกกันว่า   ก็หมอดูเขาบอกแล้วไม่เชื่อเขาเอง

          เคยได้ยินว่าเขามีเนื้อคู่หลายประเภท   เนื้อคู่แท้  เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน  และจะอยู่ด้วยกันดีส่งเสริมกัน     เนื้อคู่แบบคู่เวรคู่กรรม  อย่างไงไม่รู้แหล่ะอยู่ด้วยกันและเลิกกันไปในที่สุด  คือหมดเวรหมดกรรมกันแล้วก็เลิกร้างกันไป   คู่สร้างคู่สม  คือเกิดมาอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้แล้วแต่ว่าจะได้ทำกรรมดีต่อกัน  อยู่ด้วยแล้วเสริมชีวิตได้      อันนี้ก็แล้วแต่คนอีกเหมือนกัน   แต่ก็เชื่อในคำกล่าวของธรรมะอีกแหล่ะว่า  คำว่าความบังเอิญไม่มีอยู่จริง   สิ่งที่ทำให้เราได้มาอยู่ร่วมกัน ก็คือสิ่งที่เราเคยกระทำมาร่วมกันเมื่อในอดีต

          ตามหลังทางพระพุทธศาสนาได้ระบุว่า  คนที่่จะเกิดมาเพื่อคู่กันตลอดจะต้องมี  ศีล  ปัญญา  จาคะ เสมอกัน   ถึงจะได้ตามมาอยู่เป็นคู่กันทุกชาติไป    ไม่เช่นนั้นแล้ว เนื้อคู่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอแล้วแต่ว่าผลที่เคยทำร่วมกับใครมา  และสนองผลเช่นใด       ใครที่สงสัยว่าเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่ดี  ทำอย่างไรจะให้เราอยู่ด้วยกันดี    อันนี้ก็ต้องกลับไปถามตัวเองว่า  คาดหวังอะไรกับเขาหรือคู่ของคุณมากเกินไปหรือเปล่า   และผลที่เราจะได้อยู่ด้วยกันน่ะเราเสมอกันมั้ย   เคยไปทำบุญร่วมกันหรือเปล่า  ตักบาตรร่วมขัน  ทำบุญร่วมชาติน่ะ  เคยมั้ย   ถ้าไม่เคยไปทำซะ  แล้วก็ไปบุญร่วมกันแล้วก็อธิษฐานขอผลบุญนี้ทำให้ข้าพเจ้าและคู่อยู่กันอย่างมีความสุข      เพราะ....เรื่องบังเอิญไม่เคยมีอยู่จริง...




อารมณ์ของคนอกหัก.....เรื่องมันเศร้า

          คนที่เกิดมาบนโลกแล้วไม่มาีอารมณ์รักเลย  ไม่มี  บางคนมีอารมณ์รักเหลือเฟือเกินไป   อันนี้ก็ไม่ดีเหมือนกัน  เยอะเกินพอดี    ก็พอจะเข้าใจเมื่ออยู่ในสถานะการณ์ตอนวัยรุ่น  การกรี๊ดกร๊าดกับหนุ่ม ๆ  มันก้อมีอยู่    เข้าคำว่า  อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็น   หรือก็   รักเรา   ไม่รักเรา   เอาดอกไม้มาเด็ดเสี่ยงทายกัน   แหมตอนได้แอบมองเขาเนี่ย  ได้อารมณ์มากเลย  มีจิตใจไปหาเอาบทกวีมาประกอบกับความรู้สึก.....ศิลปินมาเกิดในอารมณ์นี้    แอบรัก แอบหลง .....ประมาณว่าเขาหล่อจัง  เขายิ้มสวยน่ะ  เขาแมนมากเลย  เขาเป็นคนน่าอบอุ่นน่ะ  หรือว่าหนุ่มที่หลงสาวก็ประมาณเดียวกัน  สวยจังเรยอ่ะ  น่ารักโค๊ตรร  พูดจาไพเราะ ทำกับข้าวเก่งจัง  เอาใจใส่เราดีจัง  อีกเยอะมาก  บทกวีบทเดียวไม่สามารถพรรณาได้หมด

          ในตอนรักอะไรมันก้อดูดีน่ะ   แหม.....ตดออกมายังว่าหอมได้  ยอมตลอด  แต่ไอ้ตอนเลิกกันนี้สิ  ชายก็โทษหญิง   หญิงก็ให้ร้ายกับชาย   มันเป็นแบบนี้แหล่ะ    กี่ร้อย  กี่พันปี  มีคนเกิดก็แบบนี้ตลอด  ตอนนี้อารมณ์อกหัก รักคุด   ก็บังเกิดแหล่ะ   ความผิดหวัง  ความเสียใจ   มันก็พร่างพรู  มากมาย  เยอะแยะ   ไม่ต้องทำอะไรเลย  อยากร้องไห้   เอาร้องให้พอ   กี่่วันก็ร้องไป  แล้วน้ำตามันไหล  มัีนแห้งได้ป่าวล่ะ   ความรักก่อนหน้านี้เคยมีมั้ย   ก้อไม่มี   มันเิริ่มจากการยังไม่มีความรัก   แล้วมาเป็นความรัก   หากความรักนั้นให้ผลที่ดีกับเรา  ความทุกข์ก็ไม่บังเกิด  มีแต่ความสมหวัง  สมใจอยาก   ความอกหักเป็นเรื่องของธรรมชาติ   คนอกหักไม่ได้มีแต่เราแต่มีเป็นล้าน ๆ คน        คนที่มีสติเ่ท่านั้นจะจัดการกับตัวเองได้    มันเหมือนกับความสุข  ความทุกข์ที่เราได้ดูหนัง   มีอารมณ์ร่วมด้วยในความสุข  และความทุกข์ของหนังละครที่แสดงอยู่   เมื่อหนังจบ  อารมณ์ร่วมก็จบ            

          นึกดูแล้ว  แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีเธอ   ฉันก็อยู่ได้   ตอนนี้มีเธออยู่ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเราทั้งสองคน   แต่ถ้าไม่มีเธอแล้ว   ฉันก็อยู่ได้   ฉันมีเธออยู่ในใจได้  ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เมื่อนึกถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันให้เวลานั้นเป็นเวลาที่ดี    อย่างน้อยเราก็ยังได้รักกัน    และบางครั้งการจากกันก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายต่อกัน   มีแต่อยู่ด้วยกันแล้วทุกข์มากกว่าสุข นี่สิน่ากลัวกว่า    การเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป  ของความรักมีหลากหลายบทบาท    ความรักเป็นสิ่งที่ดี  แต่ก็อย่าให้รักเป็นสิ่งที่เกินพอดี   แล้วจะมีความสุข  อย่างน้อยก็ความสุขสงบภายในใจ...เป็นความสุขที่ยั่งยืนกว่า

         

ความเชื่อของคน

          ในความเชื่อของคน มานั่งพิจารณาดูแล้วว่านิสัย และพฤติกรรมที่แสดงออกส่อถึงความเชื่อ   อันนี้จะไปดูคนอื่น ๆ  น่ะต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่ายาก   ใครที่มั่นใจในตัวเองมากว่าตนเองเป็นคนที่ดูพฤติกรรมคนอื่นออก   อันนี้ต้องขอค้านเอาไว้ก่อน  เหมือนอย่างที่บอก  " รู้หน้าไม่รู้ใจ"  จะกี่ชาติ  กี่ร้อยพันปีก็ใช้คำนี้ได้เสมอ    คนบางคนอยู่ด้วยกันมานานสองคนผัวเมีย   บางทีผัวก็ยังไม่ทันเมีย   เมียเองก็ไม่ทันผัวก็มี   ไม่ใช่ว่าเห็นกันอยู่แล้วจะรู้จักกันทุกอย่าง   การแสดงออกบางทีก็ต้องอาศัยเวลา

         อย่างที่่ทางศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า  แม้แต่พระมหามุนียัีงทรงแบ่งประเภทของคนเป็นสี่ประเภท  แล้วคนสี่ประเภทเนี่ย  เขาดูกันได้อย่างไงจะถึงก้นบิ้งของจิตใจ   พระพุทธองค์ทรงมองแต่บุคคลที่สามารถจะบรรลุธรรมได้เพื่อทรงสอนให้บุคคลนั้นได้หลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิด   แล้วเราบุคคลธรรมดาจะไปหยั่งรู้อะไรในใจคนเรา   วนยิ่งกว่าพายเรือในอ่างเสียอีก      ที่นี้ไอ้การเชื่ออะไรสักอย่าง  อย่างหนึ่งคือต้องประสบเจอมากับตัวถึงจะรู้  ที่นี้ไม่เพียงแต่รู้น่ะ   มันฝังรากเลยที่เดียว     อย่างฟาหรั่งมั่งคาเนี่ย   เขามีความเชื่อของเขาเรื่องเกี่ยวกับความตาย  พอตายไปแล้วก้อหมดกัน  มาทีหลังนี้ฟาหรั่งเขาเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์กับความเชื่อเรื่อง ภูต ผี วิญญาณ   ในรายการ ตามล่าพิสูจน์ความจริง ทางรายการของยูนิเวอร์เซล  เขามาพิสูจน์ที่ประเทศไทย ในเรื่องของเปรตที่ีมีอยู่ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง  จ.บุรีรัมย์   เอาเครื่องตรวจจับความร้อน  เครื่องเก็บเสียงพิเศษ  เก็บเสียงได้หมดทุกอย่างมาพิสูจน์  เอาเครื่องดักจับความร้อนมาดูปรากฎ  เห็นเป็นร่างคน  วิ่งไปดูเพื่อพิสูจน์ ก้อปรากฎว่าไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้น    เมื่อคราวตากล้องถ่ายเรื่องนั่งพิสูจน์ก้อโดนของดี  มีอาการเหมือนโดนคนบีบคอ  เป็นรอยแดงอยู่ที่ลำคอ    อันนี้อยากรู้รายละเอียดต้องตาม    http://www.syfy.com/destinationtruth/  

          แบบนี้ก้อมีความน่าเชื่อถือ  ว่ามีวิญญาณจริง  ผีมีจริง   ทั้งที่ศาสนาพุทธได้กล่าวถึงชีวิตหลังความตายอาจจะไม่สวยงามนัก  ถ้าเราไม่ได้เก็บเกี่ยวบุญไว้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่   พระพุทธองค์ท่านได้กล่าวถึงความไม่ประมาททั้งหลายเอาไว้   ก้อประเภทที่ไม่เชื่อเรื่องภูตผี  วิญญาณเนี่ย  อย่างหนึ่งต้องโดนเองถึงพริกถึงขิงแน่นอน   แล้วประเภทที่รู้อยู่แล้วก้ออย่าประมาทในการทำความดี  ก้อเท่านี้แหล่ะ  ไม่ต้องต้องกลัวต่อไปตัวเองจะเป็นอย่างไร    อีกอย่่างเรื่องของความเชื่อเรื่องวิญญาณ ผี  ประเภทนี้รู้สึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว  สมัยตอน 11  ขวบได้   คุณแม่เราเองเสียชีวิตต้วยโรคมะเร็ง   เป็นมะเร็งที่มดลูกและลามไปทั่วร่างกาย  และเสียชีวิตเมื่อตอนท่านอายุ 42 นับว่ายังสาวอยู่   หลังจากงานศพในคืนที่สาม  เดินขึ้นบ้านได้กลิ่นยาของคุณแม่ชัดมาก  พี่น้องทุกคนรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเมื่อได้กลิ่นนี้  วิ่งอ้าวแบบไม่คิดชีวิต  เรื่องผีเนี่ยชัดมากตอนนี้         และมาอีกทีตอนที่โตแล้วกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ปวช.  ทำรายงานอยู่เที่ยงคืนกว่าแล้ว  พิมพ์ดีดเครื่องสมัยโบราณอยู่  ยี่ห้อนี้เลย โอลิมปิค  ได้ยินเสียงเคาะประตูไม้อยู่สองหน  ตอนแรกนึกว่าหูฝาด  ได้ยินเสียงเคาะอีกที  สงสัยมีใครมาแกล้งเราป่าวเนี่ย   เลยเดินออกไปดู ปรากฏว่าเงียบฉี่...  ยืนรออยู่ว่าจะมีใครมาจะเอ๋กลับเราหรือเปล่า  ก็ไม่เห็นมีใครออกมาแกล้งเลยรู้แล้วว่าผิดสังเกต  ก็เลยบอกแม่หนูทำรายงานอยู่นะ  เสร็จแล้วจะไปนอน  ไม่ต้องห่วงหรอก  แล้วก็กลับไปทำงานต่ออีก 2 แผ่น  ก้อเก็บ   ตอนนี้มานึกถึง อัยย่ะ  ถ้าตอนนั้นมาจะเอ๋ก่ะเรา  แล้วไม่ใช่คนเป็น ๆ เนี่ยสงสัยเหมือนกันว่า ขนหัวคงจะตั้งแบบไม่ต้องใส่เจล...เลยแหล่ะ  


บันทึกของชีวิตหนึ่งบนโลกใบนี้

           ขณะืั้เขียนบันทึกอยู่นี้อายุ อานามก้อไปเลข 4 ขึ้นนำแล้วคิดว่าแปลก ๆ ที่จะแชร์เรื่องของชีวิตกับใคร ๆ ที่ไม่รู้จัก แต่ในขณะเดียวกัน คิดว่าเราก้อเล่าประสบการณ์ของชีวิตของคน ๆ หนึ่งขึ้นมาเป็นเรื่องราวของชีวิตคนหนึ่งที่อยู่บนโลกใบใหญ่ใบนี้

          หลาย ๆ ครั้งคิดว่าชีวิตจะมีอะไรที่ดี  หรือมีอะไรที่ดีแบบเลิศเลอในชีวิต  แต่จริง ๆ แล้วชีวิตก้อเหมือนกันกับทุก ๆ คน ในแง่ของการมีชีวิต  เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย    การผ่านโลกมา 40 กว่าปีแล้ว  หลายอย่างมีบทเรียนของมันอยู่เสมอ  ในการมีชีวิตอยู่  เราเลือกเกิดไม่ได้  อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะความเห็นว่าเราเลือกเกิดได้  การเกิดของคนแต่ละคนอยู่ที่กรรมที่เราได้ก่อไว้เมื่อในอดีตชาติ  อาจะเป็นเพราะแรงกรรมดี- ชั่ว    แรงอธิษฐาน  เพราะแรงกรรมเหล่านั้นจึงส่งผลให้เราได้รับในชาติต่อมา   ผนวกกับในปัจจุบันเราก่อกรรมดีไว้มากน้อยแค่ไหน      

          เรื่องราวของชีวิตคน ๆ หนึ่งอาจเป็นอุทธาหรณ์สำหรับอีกคนหนึ่ง  ในการดำรงชีวิตอยู่ก็เป็นได้  จึงได้มีส่วนร่วมในการแชร์ชีวิต ของเราอีกคนหนึ่งให้กับคนที่อ่านได้เข้าใจว่าชีวิตแท้จริงเราเลือกได้  ดีหรือร้ายเป็นที่เราเองไม่ใช้เพราะแรงกรรมอย่างเดียว  อาจจะมีส่วนหนึ่งของกรรมในอดีตที่เราได้เคยทำไว้  แต่ตอนนี้ปัจจุบันจะส่งผลให้กับคุณได้อย่างเข้าใจ  การใช้ชีวิตเป็นเรื่องความละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด  และอย่าให้การกระทำของคุณมาปิดบังความรู้สึก  ความคิดของคุณได้  สิ่งที่คุณทำไม่ผิดต่อการ เบียนเบียนผู้อื่นไม่วาจะในแบบไหน  ลักเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นคน  หรือสิ่งของ  รักใคร่ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนอย่างผิด ๆ  ไม่มีสัจจะกับผู้อื่นแม้กระทั่งตัวเอง โกหกตัวเองไปวัน ๆ   การกินของมืนเมาและเป็นทุกข์แก่คนอื่น  ดังนี้  ก้อไม่ต้องห่วงว่าตนเองจะใช้ชีวิตอย่างผิด ๆ    คิดดี  ทำดี  พูดดี   ทุกอย่างจะต้องดีตามแน่นอน