วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ก้อเข้าวัดอีกแระ วัดท่าไม้ หากินใกล้บ้าน

          ไปอยู่วัดที่อื่นมา หลายทีไม่เคยมาวัดใกล้บ้านเสียที   หลังจากที่บอกกับตัวเองว่าได้เวลาไปวัดแล้ว   ก็พิจารณาว่าไปวัดท่าไม้     ที่วัดท่าไม้มีเวลาเข้ารับศีล สองเวลา คือเก้าโมงเช้า   กับบ่ายสอง   ไปถึง  ก็ไปรับศีลเก้าโมงเช้า   ที่วัดท่าไม้มีงาน   มีพิธีการเปิดตำหนักเจ้าแม่กวนอิม  องค์ใหญ่มาก  มาจากเมืองจีน   เสร็จแล้วต้องไปกรวดน้ำ   9 ครั้ง  คือตักน้ำแล้วกรวดไปพร้อมกับบทสวดแผ่บุญครั้ง กรวดน้ำ 1  ครั้ง  กรวดให้ครบ 9 ครั้ง   ไม่เคยสิ  งง  สิ     ที่หน้าแม่ธรณี    แล้วก็ไปไหว้พระหลวงปู่รุ่งก่อนน่ะ  บอกกับท่านว่าเรามาอยู่วัดให้ท่านและเจ้าที่คุ้มครอง  

          ที่นี้ก็ถ้าคุณไม่มีเสื้อผ้าให้มาเช่าผ้าขาวได้  ถ้ามีมาก็ดี   คือมาแต่ตัวและหัวใจก็ได้แระ   ตอนที่อยู่วัดเขาจะให้คุณปฏิบัติ   แต่พอดีไปช่วงมีงานก็เลยไปช่วยงานวัด  และทำวัตรสวดมนต์  เช้าตื่นตีสี่   และหกโมงเย็นทำวัตร     ถ้าคนดูดวงก็ต้องไปที่ศาลาชินบัญชร   เขาจะถามว่า่คุณติดอะไรไหม   ถ้า คุณผิดศีล มีชู้  มีกิ๊ก  โดนผีอำ   เพิ่งรอดจากความตาย  ทำแท้ง  และให้ส่งเสริมให้คนอื่นทำแท้งทั้งให้คำปรึกษาและช่วยออกเงินให้ทำ  เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด   เขาไม่ให้คุณดูดวงน่ะ    เพราะว่ามองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร  ไ่ม่ให้ดู  มองไม่เห็น   เขาให้คุณไปแก้ดวงก่อน   เอ๊ะ  ทำไงหรือ  ไปที่วัดเหอะ   ถ้าคุณไปถึงวัดได้ก็ถือว่ามีบุญอยู่บ้าง    เขาจะบอกวิธีเอง     ส่วนถ้าใครอยากจะแบบ  เออ   ฉันรู้ว่าทำกรรมไว้แต่ไม่รู้ว่าอะไร   ก็ไปทำพิธีขอขมากรรม  ทุกวันพระใหญ่  เขาจะมีการขอขมากรรมกัน  แล้วจะรู้เองว่ามีเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่าและเป็นใคร    ฮื้อ  มีน่า  ....เจ้ากรรม ... นายเวร อ่ะ

          โทร.ไปสอบถามได้เลย   จากที่มาวัดท่าไม้แล้วก็คิดว่า  ถ้าคิดว่าคุณไม่มา  แล้วจะพลาดอะไรไปน่ะ  หุ.....หุ.......         เพราะตอนที่ทำพิธี  มีฝรั่งมาด้วย  ตึ๊ง  ตึ๊ง  ตึง  ตึง  เลย.....ตะลึง    โอ้ว  มาย  กอด........      หุ....หุ....  

เข้าวัด วัดป่าดาราภิรมย์

          ตอนช่วงตรุษจีน  ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่เชียงใหม่    มันยังอิน    อยู่ไหนหัวใจ  ^    ^   เพลงอีกแระ     ก็เลยไปใหม่อีกรอบ   ไปอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์  แม่ริม  จ.เชียงใหม่   ตอนนั้นช่วงที่มีเรื่องการชุมนุมของเสื้อแดง   ปีไรไม่รู้   รู้แต่เหตุการณ์      

          วัดป่าดาราภิรมย์   เป็นวัดที่ทายาทของพระราชชายาดารารัศมี  เป็นผู้ถวายที่ดินส่วนหนึ่งให้แก่วัดป่า จึงได้มีชื่อว่าวัดป่าดาราภิรมย์  เพราะเป็นสถานที่ ๆ  พระราชชายาดารารัศมีเป็นผู้จัดสวนเจ้าสบาย  สิ้นพระชมน์  และหลานของท่านจึงได้ถวายที่ดินเพื่อให้แก่เจ้าชายาดารารัศมี     ที่นี้มีหอแก้ว  สวยมากมาย   ทั้งงานศิลป์   และความศักดิ์สิทธิ์   และเป็นที่ ๆ   พระสายวัดป่ามาบำเพ็ญเพียรอยู่  ซึ่งมีจอมทัพธรรมคือ สายหลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต   หลวงพ่อเสาร์    และจนถึงปัจจุบันมีเจ้าอาวาสพระครูภาวนา   ที่วัดป่าดาราภิรมย์   สงบและร่มรื่น   มีอาหารให้ทานและ  หลัง 4 โมงเย็นห้ามกินอาหารขบเคี้ยวทุกชนิด  ตื่นตีสี่ทำวัตรเช้า  และเย็น   อากาศดี  แต่มืดตืดตื้อ   เอาไฟฉายไปด้วยเหมาะอย่างยิ่ง  

          นอกจากนี้แล้วยังมีพระธาตุและพระศักดิ์สิทธิ์   หลวงพ่อทันใจ  พระอุปคุต    และอนุสาวรีย์พระราชชายาดารารัศมี   ไว้สักการะ  ช่วงต้นปี  อากาศดี ถึงหนาว   การไปที่วัดทำได้ง่ายมากนั่งรถจากขนส่งด้วยรถโดยสารสีเหลือง  ที่เขียนว่าไปแม่ริม   ถ้าคุณต้องการให้เขาช่วยพาไปที่วัดให้บอก  และเพิ่มเงินให้ค่าน้ำมัน  คนเชียงใหม่มีน้ำใจ   ยิ้มสวย  ใจดี  จัดส่งให้ถึงที่  มีอนุโมทนาบุญด้วยน่ะ   ....5  5   ขากลับก็ถามแม่ขาวว่ากลับอย่างไง  เดียวแม่ขาวจะให้คนไปหารถมาให้คุณ   ยกเว้นอยากอยู่นาน ๆ  หรือขับรถไปเอง  มีคนรับส่ง  ก็อีกเรื่อง    อ้อ   อย่าลืม น่ะชำระหนี้สงฆ์ด้วยล่ะ   เพราะถ้าไม่ชำระหนี้สงฆ์ค่าน้ำ  ค่าไฟที่คุณอยู่วัด   ได้บุญแต่ก็ได้หนี้เพิ่ม  วัดน่ะ  เขาไม่มีรายได้น่ะจ่ะ  
  

เข้าวัดท่าซุง อุทัยธานี

           เข้าวัดท่าซุงที่อุทัยธานี   แรงจูงใจมาจากหลวงพ่อปาน  วัดบางนมโค  อยุธยา   หลวงพ่อปานเป็นเหมือนพ่อ  ครูบาอาจารย์  เป็นผู้อบรมดูแลสั่งสอนมานานแสนนาน   อย่างว่าคนเราไม่มีเรื่องบังเอิญ  ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปเสมอ   การที่เราเกิดมา  เคยเดินสวนทางกับใครแล้วเคยคิดบ้างไหม  ทำไมเราไม่คุยกับคนนี้ที่สวนมา  เขาหน้าตาดีหล่อ   แล้วไอ้คนที่เราไปหลงรักเนี่ย   ไม่เห็นหล่ออย่างนี้ทำไม  เราอยากจะอยู่กับเขาทุกวัน     นี่แหล่ะที่มาให้มาเจอกัน  เมื่อหมดเวรหมดกรรมแล้ว   ก็เดินทางจากกันนั้นคือที่ไป  

          ไปวัดท่าซุง  โดยนั่งรถตู้ใต้สะพานทางด่วนตรงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  จากทางมาจากอนุสาวรีย์ทางด้านขวามือ   เส้นทางที่ใช้ไปสวนจตุจักร   เดินทางไปแบบไหนก็ได้  แต่สรุปให้ถึงก่อนบ่ายสองโมงเพราะที่วัดมีกำหนดการรับคนเข้าวัดเพื่อถือศลี  ไม่เกินบ่ายสองโมง  ของทุกวัน   ศีลห้า  ศีลแปด  ว่ากันไป  ที่นี้ฟรีสไตล์อย่างยิ่ง  เหมาะแก่คนที่ไม่เคร่งมากจนเกินไป  สบาย  สบาย แบบ  เบริด์  เบริด์   เอาเสื้อผ้าไปเอง   ( แต่ให้เหมาะสมควรใส่ชุดขาวคนถือศีลแปดให้มีผ้าคาดบ่าด้วย  )   อาหารหากินเอาเอง  จะทำไรก็ทำ  แต่กิจวัตรที่น่าสนใจคือมีการสอนการนั่งมโนมยิทธ  การมีฤทธิ์ทางใจ  อันนี้เพื่อเป็นการยืนยันให้รู้ว่าสวรรค์ มีจริง   เพื่อให้ทราบว่าภพภูมิมีอยู่สามโลก  ฉะนั้น  คนที่นัี่่งได้จะมีอยู่คือ  คนที่มีบุญเก่ามาแล้ว  มาต่อใหม่ จะมองเห็น  และคนที่มองไม่เห็น   การมองเห็นก็แยกกันตามบุญของแต่ละคน  อันที่เรียกว่า  ปัจจตัง  รู็ได้ด้วยตัวเอง        อย่าไปตะแบงให้มันเห็น  เพราะว่าตอนที่นั้งอยู่จะถือศีลอยู่อย่างน้อยก็คือศีลห้า   เขาถามว่าเห็นหรือเปล่า  ไม่เห็นก็บอกไม่เห็น   เห็นก็บอกว่าเห็น  เท่านั้น  ไม่ต้องบอกว่าเห็นทั้ง ๆ  ที่ไม่เห็น  มันผิดศีล

          ไม่เห็นตอนนี้ก็เอาใหม่สิ    ไปนั่งสวดมนต์  ที่บ้านทุกวัน ๆ  เอาบทบูชาพระรัตนตรัยอ่ะ   เอา  3 จบก่อนม่ะ   แล้วเพิ่มไปสิ  5  จบ   ครบแล้วเอา  7  สิ   แหม มันไม่ยากนิ  เอา 9 จบเลย  ทำแบบนี้น่ะ  แล้วค่อยไปเข้าเรียนใหม่   ของมันไม่ยากน่ะ   ถ้าตั้งใจเสียอย่าง  ลองสวดไปสักเดือนสิ   แล้วไปเรียนนั่งใหม่      ถ้านั่งแล้วไม่ได้.........อันนี้ตัวใครตัวมัน     แหมมันต้องได้สิ   อ้อ   อย่าลืมรักษาศีลห้าด้วยน่ะ   รับรองคุณภาพ      เห็นอารายแล้วมาคุยให้ฟังบ้างสิ   วัยคลิมน่ะ  อยากรู้อยากเห็น  อิ  อิ.......

         วัดท่าซุงอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก  อันนี้มาจากบารมีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย  ไม่ดีจริงก็ไม่สามารถหรอก     ซึ่งตอนนี้ร่างของท่านถือเป็นหัวใจของวัดท่าซุงเลยทีเดียว   ใครมาไม่ได้กราบท่านถือว่ายังไม่ได้มา  อิ.....อิ.....

เข้าวัด....วัดอัมพวัน

          ตอนต้นปีบอกกับตัวเองว่า   ได้เวลาเข้าวัดอีกแล้วน่ะจ่ะ   เพราะว่าเคยไปอยู่วัดครั้งแรกคือวัดอัมพวัน  ไปกับเพื่อน  ไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไปอยู่วัดไปแบบ  ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร   ที่วัดอัมพวัน  มีหลวงพ่อจรัญ  ท่านไม่อยู่ติดกิจนิมนต์ข้างนอก   ( ไม่มีบุญ ได้เจอ )     ที่นี้เคร่งการปฏิบัติทำภาวนา   ไปกับเพื่อนสองคน ( ณ บัดนาวเพื่อนคนนี้อยู่เมืองนอก  ได้สามีเยอรมัน )   ตอนกลางคืนประมาณเกือบเที่ยงคืน  ที่นี้จะมีรับน้อง ( หรือคิดไปเอง ) เสียงหมาหอนตั้งแต่ข้างซ้ายของอาคาร ไปทางด้านขวามือของอาคาร  เสียงหอน  แบบ ห......อ......น......  อ่ะน่ะ   ก้อกัวสิ  ธรรมดาเนอุะคนไม่เคยอยู่วัดอ่ะ    ไปที่นี้ถ้าคุณจะเตรียมอาหารเองก็ตามสะดวก  เพราะที่นี้อาหารกินแบบง่าย ๆ   เข้าใจน่ะ แบบง่าย  ง่าย   ต้มแกงถั่วงอก  มีถั่วงอกกับหมูสับ  มีถั่วงอกสัก เศษสาม ส่วนสี่ของพื้นที่ในหม้อแกง  มีหมูสับหนึ่งส่วน  น้ำแกง  ง๊าย  ง่าย     คือคุณกลัวว่าจะอยู่ไม่ได้  ก็นำอาหารไปทานเองก็ได้เขาไม่ได้ว่าอะไร    ใจนึงก้ออยากจะให้คนที่ไปได้กินเพื่ออยู่ไม่ได้อยู่เพื่อกิน   แต่ถ้าคุณว่าคุณเป็นคนกินยาก   เอาไปเองเหมาะกว่า  แต่พอประมาณน่ะค่ะ   เพราะว่าจะโดนมองว่า  อยู่เพื่อกิน  อันนี้ก้อน่ะ  มาอยู่วัดก็ต้องปลง แม้จะเป็นเรื่องอาหารก็ตาม

          แม่ชี  หรือที่เรียกกันอีกในนามว่าแม่ขาว  อีสานและเหนือจะเรียกอย่างนี้  แม่ขาว  จะเป็นผู้สอนวิธีการวิปัสสนา    ถ้าไปอยู่วัดคุณก็บอกเจ้าที่เจ้าทางผู้ดูแลสถานที่แห่งนั้นให้เมตตาดูแลคุณด้วยเพราะคุณมาปฏิบัติ   มาทำความดี   ไหว้พระแล้วก็อธิษฐานเอา  ให้ท่านเมตตา เอ็นดู   จะได้อยู่อย่างสบาย

          เข้าวัดครั้งแรก  ก้อครั้งแรกน่ะ   ไม่เคยทำวิปัสสนาอย่างจริง ๆ  จัง  ๆ  มาก่อน  เคยแต่สวดมนต์  ไม่ได้นั่งสมาธิ   นั่งสมาธิแบบอย่างดี   หัวกระเพื่อมไป  มา  จนแม่ชีต้องเอ็ดเอา  เรียกให้ตื่น  แหมก็คืนแรกอ่ะ  มันตื่นเต้นใช้ม้า  มันก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ  ก็มาหลับเอาตอนกลางวันหน่อยนึงเอง   หุ ...หุ...

          จนวันสุดท้ายได้ลาศีลและไปขัดห้องน้ำวัด  และลากลับบ้าน จากวัดอัมพวัน  ทิ้งระยะห่างของการใช้ชีวิต   สักพักก็เข้าวัดอีก   สงสัยม่ะ  เอ็ง ทำไรว่ะทำไมเข้าวัดบ่อยจัง  ดวงมันซวยหรือไง  เปล่า  ไม่มีอารายหรอก   การเข้าวัดเนี่ย  เหมือนการสงบสติอารมณ์   สงบกิเลส  สงบจากการฟาดฟันทุกสิ่ง  อยู่วัดแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก  ไม่ต้องมีคนบอกให้ไป  ไปเองเลย   ไปเพื่อให้กิเลส  มันโดนล่อนเสียหน่อย    สิ่งที่ได้มาคือสติปัญญา   การสงบเงียบ  การปฏิบัติจริง  

         

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สักยันต์ อิ อิ Tattoo บ้าเข็มไปซะแล้ว

          เมื่อวันที่ 8  พฤศจิกายน  2555  ก็เอาร่างอันอวบบางเข้าไป  เป็นระยะเริ่มแรกของการอ้วน  กินดึกทุกวันติดกัน 3 วัน เมื่อไหร่จะได้สถานะแบบนี้ทันที   เป็นคนอ้วนง่าย  และผอมง่าย  ถ้าไม่หนักอาหาร น้ำหนักก็ไม่เพิ่ม    ไปที่เพชรเกษม 23  นั่งรถเมล์ตามประสาของคนขับรถไม่เป็น  ไปต่อรถจักรยานยนต์ที่เพรชเกษม เข้าไปวัดเพลงโดยบอกกับคนขับวินมอเตอร์ไซค์  ไปบ้านอาจารย์ทอง สักยันต์ ตรงข้ามวัดเพลง    แวะซื้อธูป  เทียน  ยานัตถุ์ ( ของโปรดของท่านอาจารย์ทอง ) และเครื่องดื่มบำรุงกำลังอีกขวด  แล้วแต่ท่านจะพิจารณา  ถ้าไม่เคยมาให้บอกกับลูกศิษย์ท่าน  แล้วเขาจะแนะนำให้ว่าทำอย่างไร  ก็ไม่มีอะไรมาก  คนมาครั้งแรกให้มาถึงแล้วเอาธูปกับเทียนวางไว้ด้านล่างกระถางธูป  แล้วหยิบธูป 5 ดอกมาจุดไฟ  ไหว้พระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์ และบูชาครูบาอาจารย์ว่าจะมาสักยันต์  มาลง นะ หน้าทอง  ขอให้ท่านประสิทธิให้เป็นผล  ให้มั่งมีศรีสุข  ...........ว่าไป  แล้่วก็นั่งรอ

          เอ่อ  ไปเช้าน่ะคร๊าบ  เพราะสักหมึก คิวยาวอ่ะ  ลูกศิษย์เก่า ๆ  ก็มาสักเพิ่ม  คนก็มากันพลึบพลับ เต็มไปหมด  อีกอย่างสงสารท่านอาจารย์อ่ะ   เพราะท่านถือว่ามีใจมาให้ท่านทำก็อยากทำให้  คนเพียบทำให้ทุกท่าน ทุกคน  เพราะท่านระดับตำนานแล้ว   แล้วก็เป็นที่น่านับถือเป็นอย่างมาก   ท่านทำตัวธรรมดา  คนเดินดินนี่แหล่ะ   ถ้าไปสำนักท่านแล้่วคิดว่ายิ่งใหญ่อลังการ  งานสร้างก็ผิดหวังมาก  ท่านเป็นมนุษย์  ทั่ว ๆ ไป  สำนักท่านก็ธรรมดาไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ มากมาย   นึกไปแล้วก็นึกถึงท่านพระพุทธทาส  สมถะมาก    แต่ในสายตาเราท่านเป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่มาก   เมตตามากใจดี  เป็นคนเล็กที่ยิ่งใหญ่  อันนี้ไปสัมผัสด้วยตนเองดีกว่า      ไปสักครั้งแรกท่านก็ถามเรา  " ทำไมมาสักที่นี้ " รู้จักที่นี้ได้อย่างไร เราก็ซื่อ ๆ  อ่ะ   " หนูเปิดเว๊ปไขค์มา  "  ท่านก็ว่า  " มีตั้ง สิบคนทำไมถึงเลือกมาที่นี่ "  ก็ยกมือไหว้สมาแก  " หนูเคยสักที่นั้น..........มาก่อน "         " มาที่นี้เพราะคิดว่าครูบาอาจารย์ท่านให้มา เพราะขอให้ครูบาอาจารย์แนะนำ "     และก็พูดต่อไปว่า  " เคยไปสักแต่ไม่ได้ไปอีกเพราะจริต  ไม่ตรงกัน "  ท่านก็มองหน้าพยักหน้า  แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ  ท่านก็ถามว่าจะสักอะไร  ก็บอกว่าสักน้ำมัน  เคยสักที่แขนมาก่อน ท่านก็เลยให้อธิษฐานไว้เวลาสัก  และหันหลังให้ท่านสัก  

          ครั้งแรกก็ได้ห้าแถวมา  ไม่ได้ขอแต่อย่างใด  ให้ท่านพิจารณาเอา  ว่าสิ่งใดเหมาะกับเรา  สักเสร็จแล้วก็ให้คาถากำกับมาด้วย   เออ.....เจ็บแฮ่ะ  คัน ๆ  เจ็บ ๆ     ขอแนะนำว่าท่านใดที่สักแล้วก็กลับไปสวดมนต์ด้วยน่ะ  ถ้าปรกติเป็นคนไหว้พระ  สวดมนต์  รักษาศีลด้วย    ทำบุญทำทาน  ยิ่งดีใหญ่   และถึงตอนนี้ก็สักไปแล้ว 4 ครั้งกับท่านอาจารย์ทอง ตลาดพูล      เดี๋ยวท่านจะกลับมาจากสิงค์โปร์จะเข้าไปหาท่านอีก  ท่านไม่ได้สักให้อย่างเดียวน่ะ  ท่านสอนเรื่องการใช้ชีวิตด้วย  อย่าโลภ  อย่าคิดว่าตัวเองมีของดีแล้วทำชั่วได้  ฯลฯ   ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกองค์  ทุกท่าน คร๊า.......

           

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Tattoo อีกแหล่ะ

           หลังจากที่ไปสักมา คราวที่แล้วอาการของคนติดเข็มก้อมีอาการกำเริบอีก  ส่วนพี่ชายก้อยังไม่ได้สนองนี๊ดตัวเอง  ( Need )  ผ่านไปสักระยะหนึ่งก้อสรรหาที่จะสักอีก  สองคนพี้น้องสุมหัวกัน หาที่สักใหม่ทั้งที่อยู่นครปฐม  แต่ไม่ได้ลงเอยกับวัดบางพระเสียที  เนื่องจากต้องทำงานวันปรกติ  และวันหยุด ลูกน้องที่ไปสักวัดบางพระก็บอกว่าคนเยอะมากต้องรอคิว   และมีลูกน้องอีกคนบอกเขาไปสักแถวกำแพงแสนมา มีอาจารย์คนหนึ่งสักแล้วลองของเลย เอามีดฟันแล้วเขาไม่เป็นไรมีแต่รอย   อื้อ...เหนียววุ้ย  ว่าแล้วก้อนัดกันไปสักโดยให้ลูกน้องพาไป  พี่ชายไปสักหมึก   เหมือนเคยเราสักน้ำมัน เข้าไปลึกเหมือนกัน  โห...น่ะช้างดี  ต้องอยู่ป่า   ไปสักมาได้ตามสมอารมณ์หมาย  กลับมาบ้านคืนนั่นฝันแร๊งสเรยอ่ะ  ฝันว่ามีผีตายโหงตามมา  แร๊งส์  ไปทำบุญเรย  และอาจารย์นั่น ก้อไม่ไปอีกเลย   เรื่องพวกนี้ไม่ได้เลยอ่ะ  ซี้ซัวไม่ได้จริง ๆ  เพราะของพวกนี้เป็นไสยศาสตร์ คนที่สักต้องมีวิชาอาคม  หนึ่ง  ต้องเป็นคนมีศีล มีธรรม  สอง ต้องนั่งสมาธิได้ญาณ  สาม เป็นผู้ปฏิบัติดี   หลังจากวันนั้น ก้อเข็ดไปอีกนานเรย   แต่ไม่หลาบน่ะ  ยังต่อได้อีก... 5 5 5 ..

          จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน  มานั่งนึกดูเรื่องสักว่าเอ  เรานี่น่าเหมือนคนไม่มีบุญป่าวหว่า  อยากสักกะอาจารย์ดี ๆ  สักท่านหนึ่งทำไมหายากจัง  แล้วอีกอย่างยังเข็ดเรื่องคราวก่อนได้ เลยขยาดไประยะหนึ่ง   มานั่งเปิดแว๊ปไซค์ดูหาอาจารย์สัก   เพราะเดี่ยวนี้  ที่วัดบางพระตั่งแต่สิ้นหลวงพ่อเปิ่น  เสน่ห์ก็ดูขาดไปหน่อย  ก็อย่างว่าแหล่ะอุ่นใจมากมายเพราะท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  ก็เป็นอะไรที่ดึงดูดใจ  แต่เห็นว่าลูกศิษย์ท่านก็ดูอุ่นหนา เหมือนเคย  มานั่งบ่นกับตัวเอง  ว่าสมัยนี้จะมีมั้ยหน่าที่ อาจารย์เก่ง ๆ  เป็นอาจารย์ดี ๆ  ให้เราได้ทำตัวเหมือนท่านได้   กราบท่านได้จริงจากใจ น่ะ  ลองดูที่เฮียกูก  ปรากฏว่ามีรายชื่ออาจารย์สักยันต์ ที่ติดอันดับเป็นอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย   ปรากฏว่ามีรายชื่อ     <iframe src="http://www.toptenthailand.com/display_code.php?id=2773" width="700" height="500" marginwidth="0" marginheight="0"  frameborder="0"></iframe>    ดังนี้  

          เสร็จแล้วอธิษฐานในใจว่าครูบาอาจารย์เจ้าขา    ลูกอยากสักยันต์กับอาจารย์ท่านใดที่เป็นผู้ที่ลูกสามารถเรียกอาจารย์ได้อย่างเต็มใจ  เต็มปากบ้างเน้อ   สายตาก็สอดส่าย  ไปเจอชื่อ อ.ทอง  ตลาดพูล  ก็คิดในใจ  เฮ้อ....ลองไปดูดีกว่าเนอะ   อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่ด้วย   เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2555  ก็ได้ทีโทรไปสอบถามอีกที  เพราะเคยโทรไปเมื่อตุลาคม  เขาบอกว่าอาจารย์อยู่สิงค์โปร์  จะกลับมาเดือนพฤศจิกายน  ประมาณวันที่ 6  ก่อนจะเข้าไปก็โทรเช็คอีกที  เขาก็บอกให้เข้าไปได้ตั้งแต่วันที่ 6 พย.  นั่งมองปฏิทินแล้ว  เอาวันที่  8  พย. น่าจะดีเพราะเป็นวันครู    วันแรกของเราควรเป็นวันครู  จะเป็นวันดีของเรา

Tattoo 2

          แล้ววันดี คืนดี แห่งการเจ็บตัวเพราะความสวยก้อมาถึง  มาที่ร้านกินข้าวมาเผื่อเรียบร้อย เตรียมกินยาได้เรย   เออ...วันนี้เตรียมพร้อมเจ็บตัวแระ  สักออกมาก้อเหมือนเดิมมีคิ้วเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย เติมขึ้น และคิ้วเอียงเหมือนเดิม...กำ..ดูแล้วไม่ดีกว่าเดิม  บอกลาเลย ไม่มาแล้วร้านนี้  ถ้าจะพิ่มขอที่ใหม่ ดีกว่า  นี่แหล่ะ อานุภาพของคนอยากสวยมันรุนแรงเพียงนี้เลยทีเดียวเชียว

          เรื่องของการสักยังไม่จบเพียงแค่นี้แต่มันลุกลามอีก  ตอนนี้ขยับไปเป็นการสักแบบเอาขลัง  ฮ่า...ฮ่า เมื่อปี 2542 ประมาณ 8 ปีที่แล้ว  ชื่อเสียงของการสัก ของอาจารย์สักท่านหนึ่งแถวนนทบุรี  โด่งดังมาก  จนพี่ชายชวนไปสัก  โดยนัดกันที่สำนัก  แต่เราดันไปถึงก่อนแรงจูงใจ  คืออยากได้ของดีสัก ไม่สักค่อยว่ากันไปดูก่อน แต่พี่ชายบอกว่าจะสัก  เอาหน้าจืด ๆ ไปเสนอหน่าที่สำนัก  ไปดูเขาสักมีคนมาสักเยอะพอควร  เพราะมีดาราสาวฮอลลี่วู๊ด มาสักกับอาจารย์ท่านนี้  คนที่มาสักก็มีแรงจูงใจตามเรื่อง  สักเป็นแฟชั่น  สักเอาของขลังใส่ตัวให็ชีวิตดีขึ้น  และอีก นานาของแต่ล่ะคน   เราก้อเลยไปถามว่าสักมีข้อห้ามอะไร  ข้อปฏิบัติอย่างไร  เขาบอกให้ดูที่ผนังเพราะเขาห้ามแบบนี้ ๆ  และก้อเลือกลายสักเลย  สนนราคาเท่านี้ รูปแบบนี้   แต่ลูกศิษย์สักน่ะ  ไม่ใช่อาจารย์สัก  และเดี่ยวสักเสร็จท่านอาจารย์ จะเป่าคาถากำกับให้  เออ...ดูลายไปก่อน รอพี่ชายไปด้วย  สักห้าแถว เกือบสองพันดูราคาแล้วตบกระเป๋าตังค์ตัวเอง  เอาเงินมาไม่พอ  เปิดดูเมนู  เฮ้ย...รายการแล้ว บวกลบเงินในกระเป๋า เอารูปเล็ก ๆ ก็ได้อ่ะ  สอง สาม อย่าง ราคาค่าสัก 499.-  เอ้า  มาถึงแล้วอ่ะ สักก้อสักว่ะ  เอาน้ำมันน่ะพี่   มาเลยน้องถลกแขนเสื้อขึ้นพี่จะลงมือแทงแระ  อึ่ย....   น้องไม่ต้องกลัวน่ะเข็มพี่ล้างด้วยแอลกอฮอล์สีฟ้าแล้วเห็นม่ะ  ว่าแล้วก้อหยิบเข็มขึ้นมาจากโถแก้วที่มีน้ำยาแอลกอฮอล์  ขึ้นมาให้ดู   เอ้าน้องพนมมือน่ะ เพี้ยง....จึก  จึก เจ็บเหมือนกันแฮ่ะ  ไม่ถึงห้านาทีเสร็จแล้ว    499.-  ไปน้องไปเข้าแถวไปให้อาจารย์เป่าให้  เหลือบมองไปเห็นคนที่สักแล้ว  ไปให้อาจารย์เป่า คาถากำกับ  พรมน้ำมนต์เป็นอันเสร็จพิธี   เอ๋ มานอย่างไงกันหว่าพี่ชายยังไม่มาเสียที  โทรไปหาดีกว่าม้างท่าทางนาน  สักรอก้อแล้วยังมาไม่ถึงอีก   โทรไป  " อยู่ไหนแล้วเนี่ยรอนานแล้วน่ะ  ยังไม่มากันอีก  อ๋อ  จะถึงแล้ว เออ  ๆ เดี่ยวรอเนี่ยแหล่ะ รอหน้าสำนักน่ะ " พอพี่ชายตัวดีมาถึง  ดูราคาแล้วส่ายหน้าคุยกับแฟนเขา  แล้วบอกไม่สักแระ แพงเกิ๊นสู้ไม่ไหว  เออ...คนไม่ได้เจตนามาสัก ดันได้สัก  คนเจตนามาสัก  ดันไม่สัก   เรื่องสักยังไม่จบหรอกมีเม๊าทแตกอีก  เหอ  เหอ