วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความเชื่อของคน

          ในความเชื่อของคน มานั่งพิจารณาดูแล้วว่านิสัย และพฤติกรรมที่แสดงออกส่อถึงความเชื่อ   อันนี้จะไปดูคนอื่น ๆ  น่ะต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่ายาก   ใครที่มั่นใจในตัวเองมากว่าตนเองเป็นคนที่ดูพฤติกรรมคนอื่นออก   อันนี้ต้องขอค้านเอาไว้ก่อน  เหมือนอย่างที่บอก  " รู้หน้าไม่รู้ใจ"  จะกี่ชาติ  กี่ร้อยพันปีก็ใช้คำนี้ได้เสมอ    คนบางคนอยู่ด้วยกันมานานสองคนผัวเมีย   บางทีผัวก็ยังไม่ทันเมีย   เมียเองก็ไม่ทันผัวก็มี   ไม่ใช่ว่าเห็นกันอยู่แล้วจะรู้จักกันทุกอย่าง   การแสดงออกบางทีก็ต้องอาศัยเวลา

         อย่างที่่ทางศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า  แม้แต่พระมหามุนียัีงทรงแบ่งประเภทของคนเป็นสี่ประเภท  แล้วคนสี่ประเภทเนี่ย  เขาดูกันได้อย่างไงจะถึงก้นบิ้งของจิตใจ   พระพุทธองค์ทรงมองแต่บุคคลที่สามารถจะบรรลุธรรมได้เพื่อทรงสอนให้บุคคลนั้นได้หลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิด   แล้วเราบุคคลธรรมดาจะไปหยั่งรู้อะไรในใจคนเรา   วนยิ่งกว่าพายเรือในอ่างเสียอีก      ที่นี้ไอ้การเชื่ออะไรสักอย่าง  อย่างหนึ่งคือต้องประสบเจอมากับตัวถึงจะรู้  ที่นี้ไม่เพียงแต่รู้น่ะ   มันฝังรากเลยที่เดียว     อย่างฟาหรั่งมั่งคาเนี่ย   เขามีความเชื่อของเขาเรื่องเกี่ยวกับความตาย  พอตายไปแล้วก้อหมดกัน  มาทีหลังนี้ฟาหรั่งเขาเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์กับความเชื่อเรื่อง ภูต ผี วิญญาณ   ในรายการ ตามล่าพิสูจน์ความจริง ทางรายการของยูนิเวอร์เซล  เขามาพิสูจน์ที่ประเทศไทย ในเรื่องของเปรตที่ีมีอยู่ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง  จ.บุรีรัมย์   เอาเครื่องตรวจจับความร้อน  เครื่องเก็บเสียงพิเศษ  เก็บเสียงได้หมดทุกอย่างมาพิสูจน์  เอาเครื่องดักจับความร้อนมาดูปรากฎ  เห็นเป็นร่างคน  วิ่งไปดูเพื่อพิสูจน์ ก้อปรากฎว่าไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้น    เมื่อคราวตากล้องถ่ายเรื่องนั่งพิสูจน์ก้อโดนของดี  มีอาการเหมือนโดนคนบีบคอ  เป็นรอยแดงอยู่ที่ลำคอ    อันนี้อยากรู้รายละเอียดต้องตาม    http://www.syfy.com/destinationtruth/  

          แบบนี้ก้อมีความน่าเชื่อถือ  ว่ามีวิญญาณจริง  ผีมีจริง   ทั้งที่ศาสนาพุทธได้กล่าวถึงชีวิตหลังความตายอาจจะไม่สวยงามนัก  ถ้าเราไม่ได้เก็บเกี่ยวบุญไว้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่   พระพุทธองค์ท่านได้กล่าวถึงความไม่ประมาททั้งหลายเอาไว้   ก้อประเภทที่ไม่เชื่อเรื่องภูตผี  วิญญาณเนี่ย  อย่างหนึ่งต้องโดนเองถึงพริกถึงขิงแน่นอน   แล้วประเภทที่รู้อยู่แล้วก้ออย่าประมาทในการทำความดี  ก้อเท่านี้แหล่ะ  ไม่ต้องต้องกลัวต่อไปตัวเองจะเป็นอย่างไร    อีกอย่่างเรื่องของความเชื่อเรื่องวิญญาณ ผี  ประเภทนี้รู้สึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว  สมัยตอน 11  ขวบได้   คุณแม่เราเองเสียชีวิตต้วยโรคมะเร็ง   เป็นมะเร็งที่มดลูกและลามไปทั่วร่างกาย  และเสียชีวิตเมื่อตอนท่านอายุ 42 นับว่ายังสาวอยู่   หลังจากงานศพในคืนที่สาม  เดินขึ้นบ้านได้กลิ่นยาของคุณแม่ชัดมาก  พี่น้องทุกคนรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเมื่อได้กลิ่นนี้  วิ่งอ้าวแบบไม่คิดชีวิต  เรื่องผีเนี่ยชัดมากตอนนี้         และมาอีกทีตอนที่โตแล้วกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ปวช.  ทำรายงานอยู่เที่ยงคืนกว่าแล้ว  พิมพ์ดีดเครื่องสมัยโบราณอยู่  ยี่ห้อนี้เลย โอลิมปิค  ได้ยินเสียงเคาะประตูไม้อยู่สองหน  ตอนแรกนึกว่าหูฝาด  ได้ยินเสียงเคาะอีกที  สงสัยมีใครมาแกล้งเราป่าวเนี่ย   เลยเดินออกไปดู ปรากฏว่าเงียบฉี่...  ยืนรออยู่ว่าจะมีใครมาจะเอ๋กลับเราหรือเปล่า  ก็ไม่เห็นมีใครออกมาแกล้งเลยรู้แล้วว่าผิดสังเกต  ก็เลยบอกแม่หนูทำรายงานอยู่นะ  เสร็จแล้วจะไปนอน  ไม่ต้องห่วงหรอก  แล้วก็กลับไปทำงานต่ออีก 2 แผ่น  ก้อเก็บ   ตอนนี้มานึกถึง อัยย่ะ  ถ้าตอนนั้นมาจะเอ๋ก่ะเรา  แล้วไม่ใช่คนเป็น ๆ เนี่ยสงสัยเหมือนกันว่า ขนหัวคงจะตั้งแบบไม่ต้องใส่เจล...เลยแหล่ะ  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น